หม้อแปลงกระแสและแรงดันไฟฟ้าถูกใช้อย่างแพร่หลายในระบบไฟฟ้า พวกมันทำหน้าที่วัดปริมาณไฟฟ้าเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้อง แล้วหม้อแปลงเหล่านี้คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญมาก?
หม้อแปลงกระแสไฟฟ้าทำหน้าที่วัดการไหลของไฟฟ้าภายในวงจรไฟฟ้า มันทำให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสม current potential transformer ในทางกลับกัน จะทำหน้าที่ตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าภายในวงจร ซึ่งช่วยรักษาแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถใช้งานไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย หม้อแปลงทั้งสองชนิดนี้ทำหน้าที่เสมือนดวงตาและหูของระบบไฟฟ้า โดยทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการไหลของกระแสไฟฟ้า
การวัดค่าที่แม่นยำมีความสำคัญต่อวงจรไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรมากเกินไปสามารถทำลายอุปกรณ์หรือก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ แต่ที่ใดมีอันตรายที่นั่นก็มีการป้องกันเช่นกัน โดยหม้อแปลงกระแสและหม้อแปลงแรงดันมีบทบาทช่วยควบคุมให้ทุกอย่างอยู่ในระดับที่เหมาะสม ด้วยการตรวจสอบการไหลของกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า
ทั้งหม้อแปลงกระแสและหม้อแปลงแรงดัน (หรือแรงเคลื่อนไฟฟ้า) ต่างเป็นองค์ประกอบหลักของระบบไฟฟ้า ถึงแม้ว่าหน้าที่ของพวกมันจะแตกต่างกัน หม้อแปลงกระแสทำหน้าที่วัดกระแสไฟฟ้าในวงจร ส่วนหม้อแปลงแรงดันทำหน้าที่วัดแรงดันไฟฟ้า ลองคิดถึงหม้อแปลงกระแสเหมือนกับการวัดปริมาณน้ำที่ไหลผ่านท่อ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าและเครื่องแปลงแรงดันไฟฟ้า ส่วนหม้อแปลงแรงดันให้คิดถึงแรงดันของน้ำภายในท่อท่อเดียวกัน ทั้งสองชนิดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยการตรวจจับกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าอย่างแม่นยำ มิเตอร์สำหรับเรียกเก็บค่าไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลย้อนกลับที่แม่นยำเกี่ยวกับการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพ และต้นทุน ความปลอดภัยและความเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะได้รับปริมาณไฟฟ้าที่เหมาะสมในการทำงานอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันไม่ให้วงจรไฟฟ้าเสียหาย อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ลดความเสี่ยงของความผิดพลาดและการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงยังสามารถลดการใช้พลังงานโดยมั่นใจว่าไฟฟ้าถูกใช้เมื่อมีความจำเป็น
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า กระแสไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน เครื่องแปลงกระแส เครื่องแปลงศักย์ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาใหม่อีกครั้ง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น พวกเขายังได้รับการนำไปใช้ในด้านใหม่ๆ เช่น ระบบกริดอัจฉริยะ (Smart Grids) และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบกระจายตัว (Distributed Renewable Generations) ด้วยความก้าวหน้าเหล่านี้ ทำให้ CTS และ PTS กำลังเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติที่จะขับเคลื่อนอนาคตของพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยี